ฟิล์มติดรถ แบบไหนดีถึงทนแดดประเทศไทย
แดดเมืองไทยกับรถเป็นของคู่กันมานาน ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแดดตัวร้ายได้เลย มากกว่าทำให้ผิวเสียแล้วแดดยังมีผลเสียต่างๆ อีกมากมาย รถยนต์เมื่อขับกลางแดดก็คงไม่ต่างจากเตาอบเครื่องหนึ่ง ภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนแรงเราจะไม่รู้สึกร้อยเลย รถทุกท่านต้องได้รับการติดฟิล์ม เพื่อกันแสง UV ต่อผู้ใช้รถให้ปลอดภัยและรักษาห้องโดยสารภายในรถให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่เราจะรู้ได้ไงล่ะว่าควรติดฟิล์มรถยนต์ประเภทไหนดี วันนี้เรามีทริคเล็กๆ มาฝาก ในการเลือกเลือกฟิล์มติดรถ แบบไหนดีให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะแดดเมืองไทยไม่ได้เป็นมิตรเสมอไป
ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ชนิด?
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ในการไปติดฟิล์มรถยนต์ที่มากพอ โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อนำรถไปติดฟิล์ม ช่างผู้ชำนาญการก็จะดำเนินการให้โดยไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมีให้เลือกหลากหลายประเภท และควรเลือกฟิล์มติดรถ แบบไหนดีจึงจะตอบสนองกับการใช้งานมากที่สุด เมื่อพูดถึงชนิดของฟิล์มแล้วก็สามารถเปรียบได้กับแคตตาล็อกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
ฟิล์มติดรถยนต์ชนิดนาโน ( Nano-Super IR Window Films )
ถูกคิดค้นและพัฒนาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนสมัยใหม่ โดยการฝังอนุภาคนาโนเข้าไปในเนื้อฟิล์มและฉาบทับอีกชั้น ทำให้ฟิล์มชนิดนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าชนิดอื่น แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพการใช้งานยาวนานกว่า โดยสามารถป้องกันรังสีอินฟราเรดมากกว่าชนิดอื่นๆ ซึ่งบางที่อาจรับประกันการใช้งานมากกว่า 10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งฟิล์มติดรถยนต์ชนิดนาโนสามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภทดังนี้
- ฟิล์มนาโนคาร์บอน ฟิล์มนาโนชนิดนี้จะมีสีดำทึบเมื่อถูกมองมาจากข้างนอกสมชื่อคาร์บอน โดยสีดำที่ได้นั้นนำมาจากโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์ ข้อดีของฟิล์มชนิดนี้คือฟิล์มจะไม่เปลี่ยนสีเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ยังคงซึ่งความดำของคาร์บอน ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้ใช้งาน แน่นอนว่าฟิล์มที่มีโมเลกุลของคาร์บอนสามารถป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดีเป็นพิเศษ แต่ข้อเสีย คือ มีราคาค่อนข้างแพง
- ฟิล์มนาโนเซรามิค ฟิล์มชนิดนี้จะมีความแตกต่างจากฟิล์มคาร์บอนเล็กน้อย ในเรื่องเพราะฟิล์มเซรามิคจะค่อนข้างมีความใสมากกว่า แต่ก็ยังสามารถป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้เท่ากับฟิล์มนาโนคาร์บอน
ซึ่งในการเลือกใช้ฟิล์มนาโนนั้น คุณจะต้องทำการทดสอบความต้องการของตัวเอง ว่าคุณต้องการเพลงประเภทไหน โดยการให้ลองไปนั่งอยู่ในรถที่ติดในฟิล์มนาโนแต่ละประเภท และลองสำรวจตัวเองว่าขณะที่อยู่ในรถนั้นทัศนวิสัยการมองเป็นปกติหรือไม่ หรือบางคนอาจจะนำประเด็นของสีรถเข้ามาเป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกชนิดฟิล์มนาโนก็ได้ แต่โดยรวมแล้วฟิล์มนาโนคาร์บอนฟิล์มนาโนเซรามิคไม่ได้มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันเลย แตกต่างกันแค่เพียงความใสและความมืดของฟิล์มเท่านั้น
ฟิล์มรถยนต์แบบย้อมสี (Deep Dye or Chip Dye Window films)
ฟิล์มชนิดนี้อยู่มาอย่างยาวนานและมีราคาที่ต่ำที่สุดในหมวดหมู่ของฟิล์มรถยนต์ ด้วยคุณภาพที่ถูกย้อมสีมาทำให้ฟิล์มชนิดนี้สามารถกรองแสงแดดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีคุณภาพที่แย่ที่สุด ใช้ไปสักพักหนึ่งสีของฟิล์มก็จะซีดลงและเพี้ยน จากสีเข้มๆ กลายเป็นฟิล์มรถยนต์สีม่วง ด้วยคุณภาพและราคาที่ต่ำจึงทำให้ฟิล์มประเภทนี้ไม่สามารถกรองแสง UV หรือกันความร้อนได้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ คือ ลดดวงอาทิตย์เท่านั้น มีอายุการใช้งานเพียงประมาณ 1 ถึง 3 ปี ทำให้ระยะหลังมานี้ฟิล์มชนิดย้อมสีไม่ค่อยนิยมในหมู่คนใช้รถสักเท่าไหร่ เนื่องจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นและจุดประสงค์ในการดูแลห้องโดยสารภายในรถยนต์ ฟิล์มย้อมสีจึงไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร
ฟิล์มติดรถยนต์ชนิดฉาบโลหะ (Metallized Evaporation Window Films)
หรือที่เราเรียกว่าฟิล์มปรอท Texture ของฟิล์มจะมีความเงาวาว ซึ่งความเงามากหรือเงาน้อยก็จะขึ้นอยู่กับสารของแต่ละผู้ผลิตที่ใส่มา จุดเด่นของฟิล์มชนิดนี้ คือ สามารถกันความร้อนได้ในระดับที่ดีพอสมควร และยังมีราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตร ทำให้ผู้ใช้รถบางส่วนเลือกฟิล์มชนิดนี้ในการเปลี่ยฟิล์มรถยนต์ มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสีความร้อนและช่วยลดอุณหภูมิภายในรถให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันเพราะว่าสารประกอบของฟิล์มชนิดนี้สามารถรบกวนสัญญาณบางชนิดได้ เช่น สัญญาณ GPS สัญญาณโทรศัพท์มือถือ สัญญาณประตูอัตโนมัติอยู่บ้าง แต่ระยะการใช้งานก็ไม่ได้ยาวนานมากมายนัก หากติดฟิล์มชนิดนี้ไประยะหนึ่งสีของฟิล์มจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงสีน้ำตาลตามเวลาที่ใช้งาน
ฟิล์มรถยนต์ชนิดเคลือบอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Window Films)
มีกระบวนผลิตการจะคล้ายๆ ฟิล์มแบบฉาบไอโลหะ ด้วยการเหนี่ยวนำประจุไฟฟ้าให้ไปติดบนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้ฟิล์มชนิดนี้มีความคงทนมากและมีความเงาที่น้อยกว่าฟิล์มปรอท จุดเด่นของฟิล์มรถยนต์ชนิดเคลือบอนุภาคจะมีความคงทนมากกว่า สามารถลดความร้อนได้ถึง 50 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันฟิล์มชนิดนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ เนื่องจากทุกคนต่างก็เทความนิยมให้กับฟิล์มนาโน ราคาที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน จึงยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อแลกกับระยะเวลาที่ยาวนานกว่า
สภาพอากาศในเมืองไทยอาจเป็นคำตอบว่าทำไมรถยนต์จึงต้องติดฟิล์ม เพราะอากาศที่ร้อนระอุอยู่ตลอดเวลา ทำให้อายุการใช้รถอาจจะสั้นลง และตัวแสงอาทิตย์เองก็มีข้อเสียอยู่มากมาย ซึ่งบางครั้งอาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว เช่น การเป็นโรคผิวหนัง หรือแม้แต่สิ่งของรอบกายที่เจอความร้อนจากดวงอาทิตย์ก็ต่างพากันละลายหรือเสื่อมสมรรถภาพลงเลยทีเดียว
- การโดนแดดเป็นประจำทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดขึ้นได้
- รังสี UV จากดวงอาทิตย์อันตรายกว่าที่คิด มีอานุภาพการทำลายล้างสูง
- การเร่งแอร์หลังจากสตาร์ทรถทันที ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักด้วยความร้อนที่ระอุในตัวรถ อาจส่งผลให้ระบบแอร์เสียหายไปในอนาคตได้
- อุปกรณ์ที่เป็นยางในรถหรืออุปกรณ์ในห้องโดยสาร เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์?
คุณจะต้องศึกษายี่ห้อฟิล์มติดรถยนต์และรุ่นของแต่ละยี่ห้อ ก่อนที่จะไปเปลี่ยนฟิล์มติดรถยนต์ และสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือ ศึกษารีวิวฝีมือของช่างของตัวแทนจำหน่ายฟิล์มนั้นๆ ว่ามีทิศทางรีวิวดีหรือไม่ เพื่อประมาณราคาก่อนจะไปเป็นฟิล์มติดรถยนต์ พระพิมพ์แต่ละชนิดมีระยะการใช้งานที่แตกต่างกันไป โจทย์ของคุณที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนไปเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ คือ
- ชนิดของฟิล์มติดรถ แบบไหนดีที่เหมาะกับสภาพการใช้งาน
- ตั้งงบประมาณในการเปลี่ยนฟิล์มครั้งนั้น
- ยี่ห้อของฟิล์มที่นำเข้ามาในประเทศไทย
- ตัวแทนจำหน่ายหรือช่างที่จะทำการเปลี่ยฟิล์มให้กับรถ
โดยมาตรฐานราคาการเปลี่ยนฟิล์มติดรถยนต์จะเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 ถึง 15,000 บาท ซึ่งฟิล์มแต่ละชนิดก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งานและความชื่นชอบ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึง คือ ของคุณค่าที่ได้มา เพราะปัจจุบันอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นจึงต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ฟิล์มเข้มผิดกฎหมายหรือไม่?
อ้างอิงจากพระราชบัญญัติรถยนต์พศ 2522 มาตรา มาตรา 12 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือ เครื่องอุปกรณ์สําหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กําหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มี ครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว กรณีนี้ทางกรมขนส่งทางบกไม่ได้หมายถึงการติดฟิล์มเข้ม เนื่องด้วยสภาวะอากาศในประเทศไทยทำให้ไม่สามารถติดฟิล์มที่มีความเข้มน้อยกว่า 60% ได้ กฎหมายในส่วนของฟิล์มเข้มจึงถูกยกเลิกไปเป็นเวลานานแล้ว โดยการอ้างอิงจากพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้น หมายถึงฟิล์มปรอทที่มีลักษณะสะท้อนคล้ายกระจก พี่แบบนี้มีความผิดตามกฎหมายและตำรวจมีสิทธิ์เรียกค่าปรับได้
ติดฟิล์มเข้ม = ไม่ผิดกฎหมาย 100%
ควรเลือกติดฟิล์มที่ความเข้มเท่าไหร่ดี?
ระดับฟิล์มในประเทศไทยมีให้เลือกอยู่ 3 ลำดับ คือ 40% 60% และ 80% ฟิล์มที่มีความเข้มสูงก็จะทำให้แสงธรรมชาติผ่านไปได้น้อยที่สุด และบางครั้งก็อาจจะหลอกตาในช่วงระยะเวลากลางคืนอยู่บ้าง ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีความแตกต่างกันไป โดยเป็นที่รู้กันว่า
- ระดับความเข้ม 40% แสงสว่างสามารถลอดผ่านได้ประมาณ 30% – 40%
- ระดับความเข้ม 60% แสงสว่างสามารถลอดผ่านได้ประมาณ 2%
- ระดับความเข้ม 80% แสงสว่างสามารถลอดผ่านได้ประมาณ 5%
ซึ่งก่อนที่เราจะเลือกติดฟิล์มชนิดใดก็ตาม จะต้องลองไปเห็นฟิล์มของทีมว่าเราโอเคหรือเปล่า ยี่ห้อในท้องตลาดถึงแม้ระดับความเข้มจะเท่ากัน แต่บางรุ่นก็มีระดับพี่แสงสว่างลอดผ่านได้ไม่เท่ากัน ในกรณีนี้ก่อนตัดสินใจจะต้องปรึกษาช่าง แน่นอนว่าความคิดมากก็กัน UV กันความร้อนได้มากกว่า แต่ก็ต้องแลกกับความมืดถึงในช่วงเวลาโพล้เพล้ พบว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่จะหลอกสายตาคนใช้ฟิล์มเข้มมากที่สุด มองจากในรถอาจจะดูเหมือนเวลา 20:00 น แล้วแต่ถ้าเปิดกระจกอยู่ดีๆก็จะพบว่ายังมีแสงพระอาทิตย์ตกดินอยู่ การติดฟิล์มรถยนต์ใหม่จะต้องอ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้รถของคุณเอง เช่น ถ้าหากว่าคุณใช้รถในช่วงเวลากลางคืนบ่อยกว่ากลางวัน ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีความเข้ม 80 ก็จะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ลักษณะการติดฟิล์มที่นิยมในไทย มีดังนี้
- ติดแบบความเข้ม 60% ทั้งคันรถ ดูทำให้ภาพรวมหรือวิสัยทัศน์ไม่เข้มไปไม่สว่างจนเกินไป สามารถใช้รถได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แลดูโปร่งโล่งสบาย
- ส่วนโซนคนขับ 60% และส่วนเบาะหลัง 80% แบบนี้ทำให้วิสัยทัสน์ในการมองก็ยังโล่งสบายอยู่ แต่เพื่อความเป็นส่วนตัวในโซนข้างหลังมากขึ้น ด้วยฟิล์มดำที่มีความเข้มถึง 80% รอบคันรถ
- มืดทึบทั้งคัน โดยส่วนมากการติดฟิล์มแบบความเข้ม 80% นิยมกันในรถสปอร์ตคาร์ เพราะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จะทำให้รถสปอร์ตคาร์ดูดียิ่งขึ้น และที่สำคัญช่วยรักษาความปลอดภัยของชีวิต เพราะฟิล์มเกมนี้จะทำให้คนภายนอกมองไม่ค่อยเห็นทรัพย์สินภายในรถ
ความเข้มของฟิล์มรถยนต์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นในการเลือกตัดสินใจ คุณจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ตามมาด้วย เช่น
- ค่าลดความร้อน (Total Solar Energy Rejection , TSER ) สามารถคำนวณได้จาก การนำค่าความร้อนจากรังสี UV รังสีอินฟราเรด แสงที่ลอดเข้ามา รวมเป็นค่าลดความร้อนค่าหนึ่ง ซึ่งในแต่ละยี่ห้อและความเข้มของฟิล์มก็จะมีความแตกต่างกันไป
- ค่ารถความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (Infrared Rejection , IRR) หรือที่เรารู้จักกันดีว่ารังสีความร้อน ซึ่งได้มาจากการแผดเผาของดวงอาทิตย์ และยังส่งผลเสียต่อผิวหนังในระยะยาว สำหรับผู้ที่ขับรถในเวลากลางวันเป็นประจำก็จะมีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ
ควรทำอย่างไรเมื่อเปลี่ยนฟิล์มติดรถเรียบร้อยแล้ว
เมื่อผ่านพ้นกระบวนการเลือกฟิล์มติดรถ แบบไหนดีที่เหมาะกับการใช้งาน ก็ถึงช่วงเวลาเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์โดยปกติแล้ว ช่างจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงในการเปลี่ยนฟิล์มรอบคันรถ และหลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องดูแลตามคำแนะนำของช่าง ถ้าลองสังเกตดีๆในช่วงแรกที่ติดฟิล์มมาใหม่ๆ ทางตัวแทนจำหน่ายหรืออู่ที่เรานำรถไปเปลี่ยนฟิล์มจะติดสติ๊กเกอร์ห้ามเลื่อนกระจกเป็นเวลา 7 วัน เสื้อเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าหากเราเผลอเรื่องกระจกในช่วงระยะเวลา 7 วันนั้น อาจจะทำให้ฟิล์มเป็นรอยคลื่นได้ ถ้าแก้ไขไม่ทันการณ์ก็อาจจะต้องเสียเงินเปลี่ยนซิมใหม่อีกครั้ง
- โดยทั่วไปแล้วจะห้ามเลื่อนกระจกเป็นเวลา 7 วัน เปลี่ยนฟิล์มติดรถในช่วงหน้าฝน ก็จะต้องขยายระยะเวลาไปอีกประมาณ 7 วัน รวมแล้วห้ามเลื่อนกระจกอย่างน้อย 14 วัน
- ไม่ควรล้างรถหลังจากไปเปลี่ยนฟิล์มคิดรถมาแล้ว เพราะหลังทำทันทีฟิล์มยังไม่เสร็จตัวกับกระจกเต็มที่
- หลังจากติดฟิล์มได้ 3 อาทิตย์ ก็ไม่ควรใช้น้ำยาล้างกระจกในการทำความสะอาด
- หากลองสังเกตดูแล้วฟิล์มมีรูปร่างที่แปลกตาไป ซึ่งอาจจะมีรอยย่น ฟองอากาศ หรือฟิล์มไม่เรียบติดกระจก ต้องรีบนำรถไปพบกับตัวแทนจำหน่ายที่ติดฟิล์มให้เพื่อจะได้แก้ไขอย่างทันการ
ก่อนเปลี่ยนฟิล์มติดรถยนต์รู้ว่า เราเหมาะกับฟิล์มติดรถ แบบไหนดี ความเข้มเท่าไหร่ งบประมาณเท่าไหร่ และสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำมากๆเลย คือ จะต้องศึกษาตัวแทนจำหน่ายหรืออู่ที่จะนำรถไปเปลี่ยนฟิล์มด้วย ว่าร้านเหล่านั้นสามารถเชื่อถือได้หรือไม่เพื่อไม่เป็นการเสียเงินโดยใช่เรื่อง ฟิล์มติดรถยนต์เป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งเลยก็ว่าได้ สามารถช่วยป้องกันรังสี UV และลดความร้อนภายในรถได้ และที่มากไปกว่านั้นยังช่วยยืดอายุห้องโดยสารภายในรถให้ดูสวยเหมือนเดิม
ขอบคุณข้อมูล : www.tqm.co.th, www.solarfxthailand.com
——————— Ford RMA ยินดีให้บริการ ———————
Hotline : 091-772-9899, 091-770-2177
ID Line : @fordrma.th
Link LINE : https://lin.ee/mmPcYDU
ติดต่อนับรถเข้าศูนย์บริการ : 02-407-0999
ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : 02-416-1555
ฟอร์ดพระราม4 : 02-713-6000
ฟอร์ดพระราม3 ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี : 02-674-3600 , 086-3400832
ฟอร์ดพระราม5 : 02-432-6599
Google Map ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : https://bit.ly/3kzyvej
Google Map ฟอร์ดอาร์เอ็มเอ สาขาพระราม 4 : https://bit.ly/32OfK0T
Facebook : https://www.facebook.com/Cityfordrma/
Website : https://www.fordrma.com/