7 เช็กลิสต์ เตรียมรถให้พร้อม ก่อนออกเดินทาง
เชื่อว่าในช่วงเทศกาลหยุดยาว หลายคนคงจะมีแพลนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด คงไม่ดีแน่หากรถยนต์ของคุณเกิดปัญหากลางทาง ดังนั้นการตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถยนต์ ก่อนจะออกเดินทางไกลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก วันนี้เราก็ได้รวบรวม 7 เช็กลิสต์สำหรับการเตรียมรถให้พร้อม ก่อนออกเดินทาง เพื่อให้การเดินทางครั้งต่อไปของคุณ เป็นไปอย่างราบรื่น ถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
1. เช็กน้ำมันเครื่อง
ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง ให้อยู่ในค่ามาตรฐาน โดยควรจะอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min ขั้นตอนนี้สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการใช้ก้านวัดน้ำมันเครื่อง โดยให้ดึงก้านวัดออกแล้วเช็ดน้ำมันเครื่องที่ก้านวัด จากนั้นให้เสียบก้านวัดกลับไป แล้วดึงออกมาอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง ว่ายังอยู่ในค่ามาตรฐานหรือไม่
2. เช็กน้ำยาหม้อน้ำ
ควรเช็กระดับน้ำยาในหม้อน้ำและหม้อพักอย่างสม่ำเสมอ เพราะหม้อน้ำรถมีหน้าที่สำคัญ ในการช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ และทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างปกติ หากการระบายความร้อนมีปัญหาขัดข้อง อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ ดังนั้นถ้าพบว่าน้ำในหม้อน้ำใกล้หมด ต้องรีบเติมน้ำยาให้อยู่ในระดับปกติ หรือหากตรวจพบว่ามีน้ำไหลหรือรั่วซึม ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน เพื่อป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างขับขี่
หากใส่น้ำเปล่า เมื่อน้ำเปล่าไปทำงานร่วมกับโลหะ จะทำให้เกิดสนิมในหม้อน้ำ เกิดการอุดตัน และทำให้หม้อน้ำนั้นรั่วซึมได้
3. เช็กแบตเตอรี่
ควรตรวจเช็กแบตเตอรี่ให้อยู่ในค่ามาตรฐาน หรือไม่ต่ำกว่า 12 โวลต์ โดยขั้นตอนนี้สามารถเช็กได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแบตเตอรี่จะแบ่งออกเป็น ประเภทที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ลักษณะภายนอกจะเป็นฝาแบบเรียบ ไม่มีช่องเติมน้ำกลั่น สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานได้จากการดูตาแมว และแบตเตอรี่ประเภทที่ต้องเติมน้ำกลั่น ลักษณะภายนอกจะมีฝาปิดอยู่ด้านบน มีช่องเติมน้ำกลั่น อายุใช้งานอยู่ที่ 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงของรถยนต์แต่ละคัน
4. เช็กไส้กรองอากาศและระบบปรับอากาศ
ควรตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์ ขั้นตอนนี้สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง โดยหากเป็นไส้กรองแบบแห้ง ให้ถอดมาเป่าเศษฝุ่นละอองออกให้หมด แต่หากเป็นไส้กรองแบบเปียก ให้นำไปล้างแล้วลงน้ำยาใหม่ แต่หากพบว่าไส้กรองมีความสกปรกมาก หรือเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรก เล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ทำให้อากาศภายในรถยนต์ไม่สะอาด รวมไปถึงตรวจสอบระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ ว่ายังทำงานปกติอยู่หรือไม่
5. เช็กระบบเบรก
ควรตรวจเช็กระบบเบรกว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ โดยเช็กความหนาของผ้าเบรก สภาพของจานเบรก และทำความสะอาดผ้าเบรกทั้ง 4 ล้อ โดยขั้นตอนนี้ควรจะต้องนำรถยนต์ไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์ เพื่อให้ระบบเบรกยังคงใช้งานได้ดีตอบสนองเร็ว เพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทางไกล
6. เช็กสภาพยางรถยนต์
ควรตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ ว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ โดยดูที่ความลึกและความสึกหรอของยางทั้ง 4 ล้อ โดยอายุการใช้งานของยางรถยนต์เฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงของรถยนต์แต่ละคัน จึงควรเช็กสภาพยางอย่างน้อยปีละครั้ง หรือก่อนออกเดินทางไกล หากพบว่าดอกยางสึกหรอ ยางบวม ยางฉีกขาด หรือยางแตกลายงา ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตามมา
7. เช็กระบบไฟ
ควรตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างรอบคัน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากต้องเดินทางในเวลากลางคืน ต้องมั่นใจว่าระบบไฟยังคงทำงานได้อย่างปกติ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟเลี้ยว, ไฟฉุกเฉิน, ไฟสูง, ไฟต่ำ ฯลฯ หากพบว่ามีส่วนใดผิดปกติหรือไม่ทำงาน ควรรีบแก้ไขทันที เพราะหากระบบไฟส่องสว่างเกิดความขัดข้องระหว่างการเดินทาง อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
——————— Ford RMA ยินดีให้บริการ ———————
ติดต่อรับรถเข้าศูนย์บริการ : 02-407-0999
ID Line : @fordrma.th
Link LINE : https://lin.ee/mmPcYDU
ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : 02-416-1555
ฟอร์ดพระราม4 : 02-713-6000
ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : 02-432-6599
ฟอร์ด หัวหมาก : 085-661-2588
Google Map ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : https://g.page/FordKalpapruek?share
Google Map ฟอร์ดอาร์เอ็มเอ สาขาพระราม 4 : https://g.page/FordRama4RMA?share
Google Map ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : https://g.page/fordrama5?share
Facebook : https://www.facebook.com/Cityfordrma/
Website : https://www.fordrma.com/