การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือทางการแพทย์ในทันทีแก่บุคคลที่ไม่สบายหรือได้รับบาดเจ็บ ณ จุดที่เกิดอุบัติเหตุ ความช่วยเหลือนี้อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ความรู้เฉพาะทาง หรือทักษะการตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่เหมาะสมกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อผลลัพธ์ของสถานการณ์ เนื่องจากอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นกับความตาย ดังนั้นการรู้วิธีการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องเป็นการดีที่สุด
เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินควรทำอย่างไร
เหตุฉุกเฉินคือสถานการณ์ที่บุคคลประสบความเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บกะทันหันซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหรือการรักษาอย่างทันท่วงที อาการของผู้ป่วยอาจแย่ลง และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับกรณีฉุกเฉินวิกฤต ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ภายใน 0-4 นาทีเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ในกรณีฉุกเฉินดังกล่าว สิ่งสำคัญคือต้องรู้วิธีรับมืออย่างเหมาะสม
อาการแบบไหนเรียกว่า “ฉุกเฉิน”
- ในกรณีหัวใจหยุดเต้น บุคคลอาจหยุดหายใจ ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือความพยายามที่จะกระตุ้น และชีพจรขาดหาย ในกรณีเช่นนี้ การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญต่อความอยู่รอดของแต่ละคน
- การรับรู้ สติเปลี่ยนไป บอกเวลา สถานที่ คนที่คุ้นเคยผิดอย่างเฉียบพลัน
- มีระบบหายใจมีอาการผิดปกติ เช่น ไม่สามารถหายใจได้ปกติ หายใจเร็ว แรง และลึก หายใจมีเสียงดังผิดปกติ พูดได้แค่สั้นๆ สำลักอุดทางเดินหายใจ มีอาการเขียวคล้ำ
- มีระบบไหลเวียนของเลือดผิดปกติ หรืออยู่ขั้นวิกฤติ คือ ตัวเย็นและซีด เหงื่อแตกจนท่วมตัว หมดสติชั่ววูบ หรืออาการวูบเมื่อลุกยืน
- อวัยวะภายในร่างกายมีอาการฉีกขาด เสียเลือดมาก
- เจ็บหน้าอกรุนแรง แขนขาอ่อนแรงทันทีทันใด หรืออาการชักเกร็ง
- ผู้ที่สัมผัสกับสารพิษ สัตว์มีพิษกัด หรือได้รับยามากเกินขนาด
- ผู้ป่วยตั้งครรภ์ ที่มีอาการเจ็บท้องคลอด มีมูกเลือด มีน้ำเดิน
หากพบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เราจะทำอย่างไร
สิ่งสำคัญคือบุคคลที่พบพวกเขาตอบสนองอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและมั่นใจในความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการโต้ตอบกับผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนั้น การปฐมพยาบาลเบื้องต้นมีขั้นตอนใดบ้าง ที่สามารถดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยฉุกเฉินจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย?
หากพบผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้รีบโทรแจ้ง 1669 แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย โดยปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อพบผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ประสบอุบัติเหตุให้ตั้งสติ และโทรแจ้งสายด่วน 1669
2. ให้ข้อมูลลักษณะเหตุการณ์ ว่าเกิดอุบัติเหตุอะไร ประเภทใด หรือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินในลักษณะใด
3. บอกสถานที่เกิดเหตุ จุดเกิดเหตุ
4. บอกเพศ ช่วงอายุ จำนวนผู้บาดเจ็บ อาการรุนแรงของแต่ละคน
5. ประเมินความรู้สึกตัวของผู้บาดเจ็บและแจ้งเจ้าหน้าที่
6. บอกความเสี่ยง เช่น อยู่กลางถนน
7. ชื่อผู้แจ้งหรือเบอร์ติดต่อผู้ให้การช่วยเหลือ
8. แจ้งอาการผู้ป่วยเพิ่มเติม และช่วยเหลือตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
9. รอเจ้าหน้าที่มารับผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากพบผู้ป่วยฉุกเฉิน
อาการไม่หนักมากแต่มีความเสี่ยง
อาการสำลัก อาการชักเกร็ง เลือดกำเดาไหล
กลุ่มอาการเกิดจากความร้อน อาการตะคริว
สามารถรับชมคลิปการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับประชาชน โดย กรมการแพทย์ (Department of medical services) สามารถรับชมคลิปเต็ม: https://youtu.be/bi9IA3Xbg60
กรณีบาดแผลฉีกขาด
1. เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือดของผู้ป่วย
2. หากมีเลือดออกจำเป็นต้องปิดแผลด้วยผ้าสะอาดและตรวจสอบปริมาณเลือดที่เสียไป
3. หากเลือดไม่หยุดไหล ควรใช้ผ้าก๊อซพันแผล
4. สำหรับบาดแผลที่แขนขาโดยไม่มีกระดูกหัก การยกส่วนนั้นของร่างกายให้สูงขึ้นสามารถช่วยบรรเทาอาการเลือดออกได้
กรณีบาดแผลอวัยวะถูกตัดขาด
1. ในการจัดเก็บอวัยวะที่ฉีกขาดอย่างถูกต้อง ให้ใส่ในถุงพลาสติกและปิดปากให้สนิท
2. วางถุงลงในภาชนะที่ผสมน้ำและน้ำแข็ง
3. สิ่งสำคัญคือต้องห้ามเลือดที่ส่วนปลายของอวัยวะที่ถูกตัดก่อนที่จะจัดเก็บ
4. แนะนำว่าอย่าจุ่มอวัยวะลงในน้ำแข็งโดยตรง
กรณีบาดแผลเกิดจากไฟไหม้นํ้าร้อนลวก
1. ควรถอดเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่ถูกไฟไหม้ออกจากบริเวณที่ได้รับผลกระทบ หากแผลไหม้ทำให้เสื้อผ้าติดกับผิวหนัง สิ่งสำคัญคือต้องตัดเสื้อผ้าออกแทนที่จะดึงออก
2. ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดเพื่อทำความสะอาดและปลอบประโลมบริเวณนั้น
3. หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น ครีมหรือยาสีฟันยาปฏิชีวนะที่แผล
กรณีแผลฉีกขาดกระดูกหนัก
1. เมื่อไม่มีบาดแผลให้ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ปวดบวมผิดรูป เพื่อบรรเทาอาการตามแนวกระดูกที่หัก ให้พยายามทำให้ส่วนที่ได้รับผลกระทบอยู่นิ่งๆ ให้ได้มากที่สุด
2. หากกระดูกหักและมีแผลเปิดหรือกระดูกยื่นออกมา อย่าพยายามดันกระดูกกลับเข้าไป ให้ทำตามขั้นตอนที่เหมาะสมแทนเพื่อห้ามเลือด
กรณีภาวะช็อก
1. ภาวะช็อกอาจเกิดจากการเสียเลือดมาก โดยสามารถสังเกตจากอาการ เช่น ซึม ซีด เหงื่อออก ตัวเย็น ชีพจรเบา หายใจเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน กระหายนํ้า
2. แนะนำให้นอนลงบนพื้นเรียบและยกขาขึ้นในขณะที่ห่มผ้าห่มให้อบอุ่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าของพวกเขาไม่คับเกินไป สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการให้อาหารหรือน้ำจนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะมาถึง
ขอบคุณข้อมูล : www.safesiri.com
——————— Ford RMA ยินดีให้บริการ ———————
ติดต่อรับรถเข้าศูนย์บริการ : 02-407-0999
ID Line : @fordrma.th
Link LINE : https://lin.ee/mmPcYDU
ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : 02-416-1555
ฟอร์ดพระราม4 : 02-713-6000
ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : 02-432-6599
ฟอร์ด หัวหมาก : 085-661-2488
Google Map ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : https://g.page/FordKalpapruek?share
Google Map ฟอร์ดอาร์เอ็มเอ สาขาพระราม 4 : https://g.page/FordRama4RMA?share
Google Map ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : https://g.page/fordrama5?share
Facebook : https://www.facebook.com/Cityfordrma/
Website : https://www.fordrma.com/