fbpx

Ford RMA

มาตรฐาน Euro5 คืออะไร หลังไทยเริ่มบังคับใช้แล้ว ทางเลือกลดฝุ่น PM 2.5

มาตรฐาน Euro5 คืออะไร หลังไทยเริ่มบังคับใช้แล้ว ทางเลือกลดฝุ่น PM 2.5 

มาตรฐาน Euro5 คืออะไร หลังไทยเริ่มบังคับใช้แล้ว ทางเลือกลดฝุ่น PM 2.5

จากปัญหามลพิษทางอากาศที่ยังคงวิกฤติ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5  ในประเทศไทย ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน ทำให้หลายภาคส่วนพยายามหาทางแก้ไข ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการนำ “มาตรฐาน EURO 5” มาใช้ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยจะบังคับใช้ 2 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ รถยนต์และน้ำมัน หลังจากไทยใช้มาตรฐาน EURO 4 มาตั้งแต่ปี 2555 แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ว่ามาตราฐาน EURO 5 คืออะไร และจะมีผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์อย่างไรบ้าง วันนี้เราจึงจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับมาตรฐานนี้ให้ดียิ่งขึ้น 

มาตรฐาน EURO5 คืออะไร?

มาตรฐานยูโร 5 เป็นกฎระเบียบสำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษไอเสียของยานพาหนะ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้มลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งถูกกำหนดโดยสหภาพในยุโรป ซึ่งได้มีการกำหนดเกณฑ์ ตั้งแต่ EURO 1, EURO 2, EURO 3,  EURO 4, EURO 5, EURO 6 ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกทำการพัฒนาเครื่องยนต์ ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุดนั่นเอง

สำหรับเกณฑ์การปรับมาตรฐานไอเสียรถยนต์ให้สะอาดขึ้น ตามมาตรฐาน EURO จะระบุปริมาณมลพิษ 4 ตัว ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไฮโดรคาร์บอน (HC) และสารมลพิษอนุภาค (PM) โดยจะมีการวัดเป็นหน่วยกรัม/กิโลเมตร ตามวัฏจักรขับขี่ในห้องปฏิบัติการทดสอบ

โดยตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน สำหรับรถยนต์ดีเซล ที่เข้ามาตราฐาน EURO 5 จะต้องมีการติดตั้งตัวกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ Diesel Particulate Filter (DPF) ลักษณะคล้ายรังผึ้ง มีหน้าที่ดักจับ อนุภาคเขม่าขนาดเล็กที่อยู่ในไอเสียของรถยนต์ดีเซล ก่อนที่จะถูกปล่อยออกไป เพื่อควบคุมปริมาณเขม่าไอเสียให้ลดน้อยลง และลดการปล่อยมลพิษ รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อยกระดับมาเป็นมาตรฐานยูโร 5 จะช่วยลดการปล่อยกำมะถันลง จาก 100 PPM ให้เหลือ 10 PPM ช่วยทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ หรือ PM 2.5 ลดลงอย่างมาก และในดีเซลจะลดปล่อยค่าสารโพลีไซคลิก (Polycyclic) อะโรมาติก (Aromatic) ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) จาก 11% ให้เหลือ 8% ซึ่งจะช่วยลดการระบายก๊าซไฮโดรคาร์บอน และออกไซด์ของไนโตรเจน 

มาตรฐาน EURO 5 จะส่งผลต่อต้นทุนรถยนต์หรือไม่?

เนื่องจากจุดประสงค์ที่ต้องการลดมลพิษ และเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้รถยนต์ดีเซลทุกคันจะต้องติดตั้งตัวกรองฝุ่นละออง ทำให้ต้นทุนการผลิตรถสูงขึ้น โดยจากรายงานของกระทรวงพลังงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ระบุว่าสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลยูโร 5 ราคารถยนต์จะแพงขึ้น ประมาณคันละ 25,000 บาท 

การเปลี่ยนมาเป็นมาตรฐาน EURO 5 จะกระทบกับคนใช้รถยนต์ปัจจุบันหรือไม่?

สำหรับคนที่ใช้รถมาตรฐานเดิม ไม่ต้องกังวลไป เพราะมาตราฐานยูโร 5 นี้ จะบังคับใช้เฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่เท่านั้น แต่หากในอนาคตต้องการจะซื้อรถยนต์คันใหม่ ก็อาจจะต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้น เนื่องจากได้มีการปรับเกณฑ์มาตรฐาน ให้เป็น EURO 5 แล้วนั่นเอง ในขณะที่น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ก็สามารถใช้ได้กับรถยนต์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ โดยไม่เกิดปัญหาต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด 

เกณฑ์การปล่อยมลพิษ ตามมาตรฐาน EURO 5

เครื่องยนต์เบนซิน

  • คาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ต้องไม่เกิน 1 กรัม/กม.
  • สารไฮโดรคาร์บอน (HC) ต้องไม่เกิน 0.1 กรัม/กม.
  • สารไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ต้องไม่เกิน 0.06 กรัม/กม.
  • สารมลพิษอนุภาคและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ต้องไม่เกิน 0.005 กรัม/กม.

เครื่องยนต์ดีเซลคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ต้องไม่เกิน 0.5 กรัม/กม.

  • สารไฮโดรคาร์บอนและ สารไนโตรเจนออกไซด์ (HC+NOx) ต้องไม่เกิน 0.23 กรัม/กม.
  • สารไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ต้องไม่เกิน 0.18 กรัม/กม.
  • สารมลพิษอนุภาคและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ต้องไม่เกิน 0.005 กรัม/กม.

ทั้งนี้จากการคาดการณ์เชื่อว่าการยกระดับมาตรฐานเครื่องยนต์ จากยูโร 4 มาเป็นยูโร 5 จะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ลงได้ถึง 5 เท่า และลดฝุ่นลงได้ถึง 37,000 ตันต่อปี หรือมากถึง 80% เลยทีเดียว


ขอบคุณข้อมูล :

https://www.tisi.go.th, https://www.thaiauto.or.th/, https://www.thaipbs.or.th/, https://www.scimath.org, https://www.thairath.co.th/, https://www.thansettakij.com/, https://www.pptvhd36.com, https://www.bangkokbiznews.com, https://www.prachachat.net, https://www.aecc.eu/

บทความเกี่ยวกับเทคนิคดูแลรถ

ลงทะเบียนรับส่วนลด

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า
    Chat with us!
    Instagram