fbpx

Ford RMA

วิธีรับมือ! แก้กลิ่นอับในรถยนต์ช่วงหน้าฝน

วิธีรับมือ! แก้กลิ่นอับในรถยนต์ช่วงหน้าฝน

เอาหล่ะ! เข้าหน้าฝนทีไรเป็นอะไรที่รถยนต์ไม่ปลื้มเท่าไหร่ ความชื้นของฝน คือ ศัตรูตัวร้ายเลยก็ว่าได้ ทั้งคราบน้ำติดรถ กลิ่นอับในรถยนต์ คราบฝุ่นฝังแน่น ยิ่งสะสมยิ่งไม่ดีต่อตัวรถ ซึ่งน้ำฝนมีคุณสมบัติทางเคมีค่อนไปทางกรด ทำให้สีถูกกัดกร่อนเป็นรอยด่าง หลายคนอาจกำลังมีความเข้าใจผิดว่าการล้างรถหน้าฝนเป็นเรื่องสิ้นเปลือง แต่ทุกครั้งที่รถโดนฝนจะเกิดเป็นคราบฝุ่นโคลนฝังแน่น

บางครั้งอาจมีความชื้นทั้งในห้องโดยสารและห้องเครื่องเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้รถทำงานหนักมากกว่าเดิม เมื่อรถมีความชื้นอาศัยอยู่เป็นเวลานานก็จะส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาได้ ควรศึกษาวิธีการทำความสะอาดและป้องกันความชื้นในช่วงฤดูฝน ให้รถคงสภาพเดิม แม้จะอยู่ในช่วงที่เสี่ยงต่อความชื้นสูงก็ตาม 

หน้าฝน จำเป็นต้องล้างรถไหมนะ?

ขอมอบ 3 คำให้ความสำคัญในการล้างรถในช่วงหน้าฝนค่ะ ว่า ‘จำ เป็น มาก’ เพราะหน้าฝนเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายรถทางอ้อมเลยแหละ และขอให้ทุกคนคำให้ขึ้นใจเลยว่าการล้างรถแบบธรรมชาติโดยฝนนั้น ‘ไม่มีอยู่จริง’ นอกจากจะทำให้รถดูสกปรกมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดความเสียหายได้อีกด้วย

  • คราบฝุ่นฝังแน่น : เกิดจากฝุ่นที่อยู่บนตัวรถรวมตัวกับน้ำฝน จนทำให้เป็นคราบ เมื่อแห้งจะกลายเป็นครบฝังแน่น เมื่อทับถมเป็นเวลานาน ทำให้ล้างออกได้ยากขึ้น
  • สีรถโดนกัดกร่อน : เพราะฝนมีคุณสมบัติทางเคมีค่อนเป็นกรด โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่ฝนมีค่าความเป็นกรดสูงกว่าทั่วไป ทำให้สารเคลือบโดนทำลาย ร้ายแรงหน่อยก็สีด่าง หรือสีเพี้ยนไปจากเดิม
  • ก่อให้เกิดสนิม : ชิ้นส่วนส่วนมากทำมาจากเหล็ก และเมื่อเหล็กทำปฏิกิริยากับน้ำและอากาศ สนิม! มันมาเยือนแน่นอนค่ะ นอกจากต้องล้างคราบฝุ่นออกประจำ ยังต้องเป่าหรือเช็ดชิ้นส่วนให้แห้งอยู่ตลอดเวลา
  • อึดอัดใจ : ความรู้สึกเดียวกับเมื่อเห็นบ้านรถ โต๊ะทำงานไม่เป็นระเบียบ เมื่อรถไม่สะอาดก็คงไม่ต่างกัน ทั้งคราบฝุ่นและริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้จากเศษผง เศษใบไม้ เห็นแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดใจใช่ไหมหล่ะ

ฝนตกบ่อยแบบนี้ต้องล้างรถทุกวันไหม ?

โดยทั่วไปแล้วควรล้างรถประมาณ1 ครั้งต่ออาทิตย์ แต่พอหน้าฝนแบบนี้ รถมีโอกาสเปียกทุกวัน แล้วแบบนี้ยังจำเป็นจะต้องล้างรถทุกครั้งหลังจากที่โดนฝนมาหรือไม่ ยังยืนยันคำตอบเดิมว่าล้างได้อย่างมากที่สุดก็ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นค่ะ เพื่อป้องกันสารเคลือบผิว หรือสภาวะเสี่ยงต่อความชื้นจนเกินไป ส่วนในกรณีที่รถเปียกฝนเกือบทุกวัน หลังจากกลับเข้าบ้านแล้วให้ล้างน้ำเปล่าคร่าว ๆ เพื่อลดปริมาณความเป็นกรดบนพื้นผิว และเช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเป็นประจำ ขอย้ำอีกที ‘ควรล้างรถอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าเข้าหน้าฝนก็ควรจะล้างด้วยน้ำเปล่าเบื้องต้นก่อน’

เตรียมตัวรับฝนเข้าหน้าฝนอย่างไรให้รถไม่พัง

ไม่ใช่แค่การล้างรถในช่วงหน้าฝนที่สำคัญ การเตรียมตัวในช่วงหน้าฝนเพื่อที่จะรับมืออย่างไรให้ปลอดภัยทั้งตัวรถและคนขับก็สำคัญไม่ต่างกันเลย การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีทีเดียว 

  • ลมแรง ฝนกระหน่ำ งดขับรถใต้ต้นไม้ใหญ่ : คุณครูวิทยาศาสตร์ตอนป.2 คงได้สอนเรื่องลมฟ้าอากาศ ถ้าฝนตกห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่เด็ดขาดเพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการโดนฟ้าผ่าและกิ่งไม้หล่นทับ การขับรถก็เช่นกัน หลีกเลี่ยงการขับหรือจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ดีที่สุด 
  • ลงทุนกับเคลือบสารป้องกันพื้นผิว : พารถเข้าคาร์แคร์เลยค่ะ มีน้ำยาอะไรเคลือบให้หมด เช่น น้ำยาป้องกันสิ่งสกปรก น้ำยาลดคราบ น้ำยาป้องกันการเกาะของน้ำ สารเคลือบเหล่านี้จะช่วยป้องกันให้รถเกิดความเสียหายน้อยที่สุด ทำความสะอาดพื้นฐานได้เองง่ายขึ้น 
  • ยางปัดน้ำฝนสึกแล้วหรือยัง : การขับรถในช่วงหน้าฝนจะทำให้ทัศนวิสัยถูกบดบัง  และและการมองเห็นน้อยลง ยางปัดน้ำฝนที่ดีควรปัดแล้วไม่มีเสียงหรือฝืดจนเกินไป ควรรีดน้ำออกจากบริเวณกระจกได้เกือบ 100% 
  • เช็คสภาพระบบไฟฟ้า : น้ำกับไฟฟ้าเป็นอะไรที่ไม่ถูกกัน ฉะนั้นเวลาเข้าศูนย์บริการ ต้องตรวจเช็คระบบไฟทุกครั้งด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในขณะขับขี่
  • ขอบยางประตูปกติไหม : ตัวช่วยสำคัญสำหรับหน้าฝน ที่สามารถป้องกันไม่ให้ให้น้ำเข้ามาในห้องเครื่อง เมื่อกดลงไปแล้วยางจะต้องคืนตัวกลับมาเป็นรูปทรงเดิม หากมียางสัมผัสกระด้างหรือมีรอยแตกต้องรีบเปลี่ยนทันที 

ฝนกัดสีรถได้จริงหรอ ?

ฝนเม็ดน้อย ๆ นี่แหละค่ะ ที่สามารถกัดกร่อนสีรถจนผิดเพี้ยนไปได้เลย ยิ่งบางพื้นที่ที่เสี่ยงต่ออากาศเป็นพิษ หรือพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดฝนกัดกร่อนมากเท่านั้น จึงเป็นเหตุว่าทำไมต้องล้างรถแม้จะเป็นหน้าฝนด้วยซ้ำ ฝนไม่เพียงแต่กัดกร่อนให้ดูหมองคล้ำลง แล้วยังเป็นต้นตอขอความสกปกอีกด้วย

  • ฉีดไล่คราบฝุ่น รวมถึงน้ำฝนทุกครั้ง ห้ามใช้ผ้าเช็ดโดยที่ไม่ได้ฉีดล้าง
  • ไม่ควรล้างรถในช่วงอากาศชื้นมาก หรือเป็นช่วงฟ้าค่ำ แห้งยากมาก
  • เช็ดให้แห้งด้วยผ้า หรือเป่าชิ้นส่วนให้แห้งมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสนิม

วิธีทำล้างรถด้วยตนเองอย่างถูกต้อง

จะดีกว่าไหมถ้าเราได้ล้างรถด้วนตนเอง ได้เห็นว่ารถสกปรกแค่ไหน มีรอยขูดขีดมากน้อยเพียงใด ไม่ต้องออกไปข้างนอกให้เสียเวลาสามารถล้างได้ด้วยตนเองที่บ้าน สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับรถ 

อุปกรณ์ต้องครบเครื่อง

จะใช้ฟองน้ำหรือผ้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน เลือกน้ำยาที่ชอบและคุณสมบัติตรงตามต้องการที่สุด แปรงเก็บรายละเอียด ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดแห้ง ควรแยกผ้าการใช้ผ้าให้ถูกประเภท และมีจำนวนหลายฝืนจะดีที่สุด

เตรียมน้ำยาล้างรถและน้ำเปล่าผสมกันในอัตราส่วนที่กำหนด

ความเข้มข้นขึ้นอยู่กับน้ำยาแต่ละยี่ห้อ ทำไมต้องผสมน้ำยาตามอัตราส่วนด้วย? ก็เพราะว่าถ้าผสมเยอะมันล้างออกหน่ะสิ

ล้างน้ำเปล่าก่อนอันดับแรก

เพื่อไล่เศษฝุ่นตกค้างออกให้หมด ทริคง่าย ๆ ก็คือ ควรฉีดไล่จากด้วนบนไล่ลงมาด้านล่าง เพื่อให้ฝุ่นไหลลงมาอย่างไม่ทับถมกัน และไม่หลงเหลือตามซอกมุมต่าง ๆ

นำฟองน้ำหรือผ้าล้างรถจุ่มน้ำยาที่ผสมแล้วจนชุ่ม

ให้ผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มลง โดยเริ่มขัดจากด้านบนลงล่าง ขัดอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อยังหลงเหลือเศษฝุ่นจะได้ไม่สร้างรอยมาก และหมั่นสังเกตว่าฟองน้ำหรือผ้าเปื้อนแล้วหรือไม่ หากเริ่มเปื้อนต้องรีบจุ่มน้ำยาอีกครั้ง เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกจากผ้า 

ล้างน้ำยาเก่าออกให้หมด

โดยฉีดไล่จากด้านบนเหมือนเดิม และทำซ้ำเหมือนข้อข้างบนเลย ต้องล้างจากข้างบนลงข้างล่าง และทำความสะอาดผ้าหรือฟองน้ำบ่อย ๆ 

ล้างน้ำเปล่าจนกว่ารถจะสะอาด

ไม่มีคราบน้ำยาติดอยู่บริเวณผิวรถ เอ๊ะ! ลืมล้างอะไรไปหรือเปล่า ช่วงล่างเป็นส่วนที่มีความสกปรกมากที่สุด จึงต้องล้างเป็นลำดับสุดท้าย ใช้ผ้าแยกผืนและแปรงเก็บรายละเอียดทำความสะอาดจนกว่าจะมั่นใจแล้วว่าไม่มีฝุ่น 

ล้างทุกส่วนเสร็จครบทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นให้นำผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวมาเช็ดรถให้แห้ง หลักการก็เหมือนเดิม คือ การไล่เช็ดจากบนลงล่างก่อน ถ้าใครมีเครื่องเป่าลมจะนำมาเป่าบริเวณห้องเครื่องร่วมด้วยก็ได้ 

กลิ่นอับในรถยนต์เกิดจากอะไร ?

กลิ่นอัดเกิดจากสภาพอากาศที่ไม่ถ่ายเท รวมไปถึงมีความชื้นร่วมด้วย ยิ่งมีความชื้นสูงยิ่งอันตราย เพราะจะสามารถกำจัดกลิ่นได้ยากขึ้น แถมบางครั้งอาจมีเชื้อราขึ้นเป็นดอกตามจุดอับต่าง ๆ ในช่วงหน้าฝนที่ความชื้นสูงและแดดออกน้อยจนนับวันได้เลย จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นอับบนรถ และกำจัดได้ยากในช่วงหน้าฝน สาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นอับบนรถมีอะไรบ้างไป ดูกันดีกว่า 

  • รถมีความชื้นสะสมหรือความชื้นเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารเป็นจำนวนมาก 
  • ไส้กรองแอร์เก่า ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ 
  • มีขยะเปียกหรือเศษอาหารบนรถ
  • มีสิ่งเสื้อผ้าที่ชุ้มน้ำ เบาะเปียก หรือพรมวางเท้าเปียกอยู่ 
  • ระบบปรับอากาศมีปัญหาเนื่องจากมีความชื้นสูง 

วิธีแก้กลิ่นอับในรถยนต์อย่างไรให้หายสนิท

กลิ่นอับบนรถแม้จะแก้ยากแต่ก็ยังมีวิธีที่แก้ได้ ก่อนอื่นต้องหาต้นตอของกลิ่นให้ได้เสียก่อน ว่ากลิ่นเหล่านั้นมาจากไหนกันแน่นะ เพื่อที่จะได้กำจัดต้นต่ออย่างถูกวิธี 

  • ความอับชื้นเป็นศัตรูกับแสงแดด : พารถไปรับวิตามินดี (D = แดด) บ้าง เลื่อนกระจกลงให้สุด จอดรถกลางแดดเพื่อให้ความร้อนได้กำจัดกลิ่นอับ เชื้อรา แบคทีเรียต่าง ๆ แต่ไม่ควรจอดกลางแดดนานเกินไป เพราะอาจจะทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกได้รับความเสียหาย 
  • ทำความสะอาดเป็นประจำ : ทุกครั้งที่ล้างรถอย่าลืมทำความสะอาดภายในห้องโดยสารด้วย เก็บขยะ ดูดฝุ่น เช็ดเบาะ ทำความสะอาดพรมวางเท้า ทำให้ครบสูตร ช่วยลดกลิ่นและเชื้อโรคตั้งแต่ต้นตอเลยทีเดียว 
  • เปลี่ยนไส้กรองอากาศ : ถ้าลองเช็คดูแล้วกลิ่นอับไม่ได้มาจากภายในห้องเครื่องแต่มาจากไส้กรอง นั่นแสดงว่าไส้กรองหมดอายุเริ่มกรองสิ่งสกปรกไม่ได้แล้ว สามารถนำรถไปเปลี่ยนไส้กรองอันใหม่ได้ตามศูนย์บริการทั่วไป 
  • จัดวางให้ถูกที่ : เมื่อมีสิ่งของที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ห้ามวางกับเบาะรถที่เป็นผ้าโดยตรงเด็ดขาด โดยให้หาถุงพลาสติกหรือวางพื้นผิวที่ไม่ใช่ผ้า และทุกครั้งที่ลงรถจะต้องไม่ลืมนำสิ่งนี้ออกไปด้วย ปล่อยไว้ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถสร้างกลิ่นอับให้กับรถได้
  • ทำความสะอาดระบบปรับอากาศ : ไปศูนย์บริการเท่านั้นค่ะ เพราะระบบปรับอากาศต้องใช้ความชำนาญในการทำความสะอาดพอสมควร หลังจากที่ทำความสะอาดระบบปรับอากาศแล้ว เราจะได้รถที่มีกลิ่นสดชื่นเหมือนใหม่เลยแหละ 
  • ใช้น้ำหอมปรับอากาศ : แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่ยังไม่ใช่แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุสะทีเดียว ทางที่ดีควรดูแลความสะอาด และนำรถไปตากแดดอย่างสม่ำเสมอในช่วงหน้าฝน รวมไปถึงกำจัดต้นเหตุของกลิ่นอับอย่างถูกวิธี 
  • วิถีไทยก็ช่วยได้เหมือนกัน : สำหรับบางคนที่ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ แนะนำให้หากลิ่นอโรม่าจากธรรมชาติใกล้ตัว เช่น มะกรูด ผิวส้ม กากกาแฟ ถ่านไม้ ถุงชาหอม การบูร ที่สามารถหาได้อย่างง่ายดายตามท้องตลาด นำมาใช้เพื่อดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป 
  • ตรวจสภาพรถเป็นประจำ : วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถรู้ได้ว่าชิ้นส่วนใดของรถเสียหายหรือเปล่า ทั้งยางขอบประตู ยางปัดน้ำฝน หรือระบบปรับอากาศ รู้ก่อนซ่อมก่อน จะไม่ไม่ต้องเสียค่าซ่อมบานปลายในภายหลัง 

สรุปการดูแลรถในช่วงหน้าฝน

การทำความสะอาดและป้องกันรถจากความชื้นในช่วงฤดูไม่ใช่ไกลตัวเท่าไหร่ แค่รู้หลักการดูแลอย่างถูกต้อง โดยปกติรถที่ใช้งานเป็นประจำจะมีฝุ่นเกาะอยู่แล้ว แต่ถ้าฝนตกนี่สิ ยุ่งยากขึ้นมากนิดนึง ถ้าดูแลไม่ดีรถอาจเสี่ยงต่อการเกิดสนิมหรือกลิ่นอับชื้นได้

  • แนะนำให้ล้างรถแค่อาทิตย์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว
  • หลังจากขับรถฝ่าฝนมา ควรล้างคร่าว ๆ ด้วยน้ำเปล่า เพื่อชะล้างความเป็นกรดออก
  • ไม่ควรเช็ดรถด้วยผ้าโดยตรงโดยที่ไม่ได้ล้าง เพราะจะทำให้ผ้ารูดเศษฝุ่น ทำให้รถเป็นรอย
  • นำรถไปตากแดดในวันที่แดดดี ลดกระจกลงให้สุด เพื่อให้อากาศภายในได้ถ่ายเท
  • ทำความสะอาดภายในห้องโดยสารเป็นประจำ ไม่ควรมีขยะหลงเหลืออยู่บนรถ
  • ไม่ลืมสิ่งของที่เปียกชุ่มได้ด้วยฝนไว้บนรถ ก่อนลงรถทุกครั้งควรถือลงไปด้วย
  • ประโคมสารเครือบต่าง ๆ ให้เต็มสูบไปเลยค่ะ ช่วยป้องกันได้เยอะเลย
  • เช็คสถาพรถให้พร้อมรับมือกับหน้าฝน เช่น ดอกยาง ระบบไฟ ยางปัดน้ำฝน
  • หาสารดูดควาชื้นหรือน้ำหอมปรับอากาศมาติดรถไว้ เพื่อลดกลิ่นอับ

แหละนี่ วิธีทำความสะอาดและป้องกันรถให้รอดพ้นจากความชื้นในช่วงฤดูฝน การล้างรถด้วยตนเองไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ขอให้รู้ว่าจะต้องล้างจากตำแหน่งไหนลงไปไหน และวิธีการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง ส่วนการแก้กลิ่นอับในรถยนต์นรถก็ง่ายดายมาก ๆ เพียงแค่รู้จุดเริ่มต้นของจุดกำเนิดกลิ่น จะได้กำจัดและแก้ไขได้อย่างถูกวิธี หน้าฝน ถนนลื่นแบบนี้ ขอให้ขับรถโดยสวัสดิภาพนะคะ 


ขอบคุณข้อมูล : 7 วิธีดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน – บทความ | พร้อมเคียงข้างทุกโอกาส ล้างรถให้ถูกวิธี !! ด้วยตนเอง

——————— Ford RMA ยินดีให้บริการ ———————

ติดต่อรับรถเข้าศูนย์บริการ : 02-407-0999
ID Line : @fordrma.th
Link LINE : https://lin.ee/mmPcYDU
ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : 02-416-1555
ฟอร์ดพระราม4 : 02-713-6000
ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : 02-432-6599
ฟอร์ด หัวหมาก : 085-661-2488
Facebook : https://www.facebook.com/Cityfordrma/
Website : https://www.fordrma.com/

ลงทะเบียนรับส่วนลด

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า
    Chat with us!
    Instagram